ช็อคน้ำตาล (Insulin shock)
September 13, 2009ช็อคน้ำตาล (Insulin shock) เดิมหมายถึง คนไข้ได้อินซูลินมาก เกิดภาวะน้ำตาลเลือดต่ำจนหมดสติ แต่อาการช็อคน้ำตาลที่พูดกันทั่วไป หมายถึง อาการที่เกิดเมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลเลือดต่ำ (hypoglycemia) มักเกิดจากได้ยากินหรือยาฉีดคุมน้ำตาลเกินขนาด มีอาการทางสมอง เช่น รู้สึกโหวงเหวง หงุดหงิดง่าย มือไม้สั่น หรืออาการทางระบบปราทอัตโนมัติ sympathetic เช่น เหงื่อแตกและใจสั่น
อาการช็อคน้ำตาล (Insulin shock) มักเกิดกับเด็กที่เป็นเบาหวานประเภท 1 ซึ่งเซลล์ผลิตอินซูลินที่ตับอ่อนถูกทำลาย จึงต้องรักษาโดยฉีดอินซูลินทดแทน สำหรับเบาหวานในผู้ใหญ่นั้น ร่างกายไม่ได้ขาดอินซูลิน แต่มักจะรักษาโดยให้ยากินระงับการสร้างน้ำตาลที่ตับ สมัยก่อนไม่ค่อยได้ยินว่าคนไข้เกิดอาการช็อคน้ำตาลมากเหมือนสมัยนี้ เพราะมีการระวังในการใช้ยา และการรักษาโดยการฉีดอินซูลินก็ยังไม่แพร่หลาย
แต่มาระยะหลังมีการอ้างผลวิจัย Diabetes Control and Complication Trial ซึ่งศึกษาเบาหวานในเด็กว่าคนที่คุมระดับน้ำตาลได้ดีกว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานน้อยกว่า (N EngI J Med 1993;329:977) จึงมีความพยายามคุมน้ำตาลเข้มงวดขึ้นในเบาหวานทุกประเภท ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องหากการรักษาเน้นการควบคุมอาหารมากกว่า
ปัจจุบัน แพทย์จำนวนมากให้การรักษาเบาหวานแบบ "จ่ายยาตามตัวเลข" หรือ Prescription by Number (N Eng J Med 2007;357:516) กล่าวคือ แพทย์ไม่ค่อยคำนึงถึงสาเหตุการเกิดโรคเบาหวานหรือเหตุใดจึงคุมน้ำตาลไม่ได้ สนใจแต่ผลตรวจน้ำตาลเลือด หากระดับไม่สูงนักก็ให้ยาขนาดเดิม แต่ถ้าน้ำตาลเลือดสูง ก็พยายามกดระดับน้ำตาลโดยการเพิ่มยาให้แรงขึ้น หรือบ่อยมื้อขึ้น และหากยังคุมไม่ได้อีก ก็มักจะเพิ่มให้ฉีดอินซูลิน และหากยาทั้งกินทั้งฉีดยังคุมไม่ได้ก็เพิ่มขนาดอินซูลินที่ฉีด
เวลาเกิดช็อคน้ำตาล เรามักไม่ทันตรวจเลือดช่วงกำลังมีอาการ แต่การตรวจเลือดภายหลังพบมีระดับน้ำตาลเลือดสูงจาก Somogyi effect ที่กล่าวนี้ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าอาการช็อคน้ำตาล เกิดจากระดับน้ำตาลเลือดสูงเกิน จึงไม่กล้าลดยาทั้งๆ ที่เกิดอาการบ่อยๆ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่นานก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะที่สำคัญของร่างกายหลายระบบได้แก่
Posted by Saengrawee Phonphomuang